• หน้าแรก
  • ข่าวสาร
  • วางแผนการเงินกับอาจารย์ปิง | วางแผนภาษี 2564 ใครมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบ้าง?

วางแผนการเงินกับอาจารย์ปิง | วางแผนภาษี 2564 ใครมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบ้าง?


ใครมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?
 
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ผู้ที่มีสถานะตามที่กำหนดและได้รับเงินได้พึงประเมินตามลักษณะที่ระบุจากแหล่งในประเทศหรือนอกประเทศตามที่กฎหมายกำหนด
 
ทั้งนี้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอาจมีสถานะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
  1. บุคคลธรรมดา
  2. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
  3. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
  4. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  5. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
 
บุคคลธรรมดาที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หมายถึง บุคคลที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ทารกแรกเกิด เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ถึงแก่ความตาย หากมีเงินได้สุทธิถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 
ผู้ถึงแก่ความตายที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หมายถึง ผู้ถึงแก่ความตาย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างปีภาษี หรือก่อนยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี หากมีเงินได้สุทธิถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยผู้จัดการมรดก ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ถึงแก่ความตายต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแทนผู้ถึงแก่ความตาย
 
กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ในปีภาษีถัดจากปีที่บุคคลถึงแก่ความตาย ถ้าหากยังไม่ได้แบ่งมรดกให้กับทายาทคนใดคนหนึ่งโดยเด็ดขาด และกองมรดกดังกล่าวมีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ กองมรดกดังกล่าวก็ถือว่าเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยเช่นกัน โดยผู้จัดการมรดก ทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแทนผู้ถึงแก่ความตาย
 
ห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้จากกิจการที่ทำ ทั้งนี้ในทางปฏิบัติการตีความคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.149/2558 กรณีดังต่อไปนี้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ เช่น
  • การเข้าร่วมกันเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร
  • การเข้าร่วมกันซื้อหุ้น
  • การเข้าถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกัน
  • การเข้าร่วมกันของแพทย์เพื่อทำกิจการรักษาคนไข้
  • การเข้าร่วมกันของนักแสดงหรือพิธีกรในการรับงานแสดงหรือรับงานพิธีกร
                   
คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หมายถึงบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตกลงกระทำการร่วมกันอันมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือก็คือไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น เช่น
  • คณะกรรมการนักศึกษาจัดหาทุนเพื่อกระทำกิจกรรมในกลุ่มของตน
  • คณะกรรมการจัดหาทุนเพื่อสร้างและปรับปรุงโบราณสถาน
  • ชมรมแม่บ้านจัดกิจกรรมหาทุนเพื่อสร้างโรงพยาบาล
 
วิสาหกิจชุมชน หมายถึง กิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการ หรือการอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีความผูกพัน มีวิถีชีวิตร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกิจการดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัว ชุมชน และระหว่างชุมชน
  • รูปแบบของวิสาหกิจชุมชนประกอบด้วย บุคคลธรรมดา ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล และนิติบุคคล ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด
  • วิสาหกิจชุมชนรูปแบบบุคคลธรรมดาจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  
ผู้ที่อยู่ในข่ายเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้ง 5 สถานะดังกล่าวจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหากมีเงินได้พึงประเมินตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้เงินได้พึงประเมินอาจอยู่ในลักษณะดังต่อไปนี้
  1. เงินตราไทยหรือเงินตราต่างประเทศที่คำนวณค่าเป็นเงินตราไทย
  2. ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น รางวัลที่ได้รับจากการชิงโชค หุ้นที่ได้รับแจกจากบริษัท
  3. ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น การอยู่บ้านของนายจ้างโดยไม่เสียค่าเช่า
  4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
  5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เครดิตภาษีเงินปันผล
 
ผู้ที่อยู่ในข่ายเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้ง 5 ประเภทที่มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดจากแหล่งในประเทศและนอกประเทศดังต่อไปนี้ถือว่าเป็นผู้ที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  1. ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นจากแหล่งในประเทศระหว่างปีภาษีที่ผ่านมา หรือก็คือปีปฏิทินที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
ทั้งนี้เงินได้ที่เกิดจากแหล่งในประเทศ หมายถึง รายได้ที่เกิดจาก
  1. หน้าที่งานที่ทำในประเทศไทย
  2. กิจการที่ทำในประเทศไทย
  3. กิจการของนายจ้างในประเทศไทย
  4. ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า เป็นต้น
ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นจากแหล่งในประเทศไม่ว่าจะมีสัญชาติใด อาศัยอยู่ที่ไหน ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยเสมอ
  1. ผู้ที่นำรายได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งนอกประเทศเข้ามาในประเทศไทยระหว่างปีภาษีที่ผ่านมาและอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ 180 วันในปีภาษีนั้น
ทั้งนี้เงินได้ที่เกิดจากแหล่งนอกประเทศ หมายถึง รายได้ที่เกิดจาก
  1. หน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ
  2. กิจการที่ทำในต่างประเทศ
  3. ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ
 
ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้กล่าวถึงข้างต้นที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับกรมสรรพากรด้วย
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ
ผู้ที่มีสถานะใดๆดังต่อไปนี้
  1. บุคคลธรรมดา
  2. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
  3. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
  4. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  5. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินในลักษณะใดๆดังต่อไปนี้
  1. เงินตราไทยหรือเงินตราต่างประเทศที่คำนวณค่าเป็นเงินตราไทย
  2. ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน
  3. ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน
  4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
  5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

ซึ่งมีแหล่งเงินได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดดังนี้

  1. ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นจากแหล่งในประเทศระหว่างปีภาษีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด อาศัยอยู่ที่ไหน จาก  1.1. หน้าที่งานที่ทำในประเทศไทย                                                                                                1.2.  กิจการที่ทำในประเทศไทย                                                                                                  1.3.  กิจการของนายจ้างในประเทศไทย                                                                                        1.4.  ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย
  2. ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ 180 วันระหว่างปีภาษีที่ผ่านมาและนำรายได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งนอกประเทศเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้น จาก                                                                                              2.1.  หน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ                                                                                                2.2.  กิจการที่ทำในต่างประเทศ                                                                                                    2.3.  ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ     
 

ThaiPFA ศูนย์อบรมต้นแบบ สู่เส้นทางคุณวุฒิวิชาชีพนักวางแผนการเงิน CFP มืออาชีพมาตรฐานสากล

 


Thai Professional Finance Academy (ThaiPFA)

ติดต่อ

      086-666-0090 , 082-701-7077 , 087-063-3306 
 

ขอบคุณทุกความไว้วางใจ ที่มีให้ ThaiPFA


#นักวางแผนการเงินCFP มาตรฐานสากลกับThaiPFA  #เส้นทางสู่วิชาชีพนักวางแผนการเงินCFP มาตรฐานสากลโดยThaiPFA #ThaiPFA ศูนย์อบรมต้นแบบเพื่อความมั่งคั่งมั่นคงและยั่งยืน 
E-mail: thaipfa@gmail.com
Website: www.thaipfa.co.th  , www.thaipfaonline.com , www.allaboutfin.com
Social network: www.facebook.com/thaipfa
LINE: @thaipfa
Mobile: 086-666-0090 , 087-063-3306 ,082-701-7077